ศีรษะของข้าพระองค์ ฉันนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้
ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์กำเริบหนัก ไม่บรรเทา
ปรากฏว่ากำเริบขึ้น ไม่บรรเทาเลย เปรียบเหมือนบุรุษ ผู้มีกำลังพึงเอาเชือก
ที่เหนี่ยวแน่นพันศีรษะ ฉันใด ความเจ็บปวดที่ศีรษะของข้าพระองค์ก็มี
ประมาณยิ่ง ฉันนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ เปรียบ
เหมือนบุรุษฆ่าโค หรือลูกมือของบุรุษฆ่าโค เป็นคนขยันพึงใช้มีดสำหรับ
ชำแหละโคที่คม ชำแหละท้องโค ฉันใด ลมกล้ามีประมาณยิ่งย่อมเสียดแทง
ท้องของข้าพระองค์ ฉันนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้. . .
เปรียบบุรุษผู้มีกำลังสองคน จับบุรุษผู้อ่อนกำลังคนเดียวที่แขนคนละข้าง
แล้วพึงลนย่างบนหลุมถ่านไฟ ฉันใด ความเร่าร้อนที่กายของข้าพระองค์ก็มี
ประมาณยิ่ง ฉันนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ ยังอัตภาพ
ให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์กำเริบหนัก ไม่บรรเทา ปรากฏ
ว่ากำเริบขึ้นไม่บรรเทาเลย ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงด้วย
ธรรมีกถาให้ท่านพระผัคคุณะเห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง แล้ว
เสด็จลุกจากอาสนะหลีกไป ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปแล้วไม่นาน
ท่านพระผัคคุณะได้กระทำกาละ และในเวลามรณะอินทรีย์ของท่านพระผัคคุณะ
นั้นผ่องใสยิ่งนัก.
อานิสงส์แห่งการฟังธรรม 6
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระมีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจากมาไม่นาน ท่านพระผัคคุณะ
ก็กระทำกาละ และในเวลามรณะอินทรีย์ของท่านพระผัคคุณะผ่องใสยิ่งนัก พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ก็อินทรีย์ของผัคคุณภิกษุจักไม่ผ่องใสได้
อย่างไร จิตของผัคคุณภิกษุยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้อง
ต่ำ 5 จิตของผัคคุณภิกษุนั้น ก็หลุดพ้นแล้วจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วน
เบื้องต่ำ 5 เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูก่อนอานนท์ อานิสงส์ในการฟัง
ธรรมโดยกาลอันควร ในการใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรม โดยกาลอันควร
6 ประการนี้ 6 ประการเป็นไฉน. ดูก่อนอานนท์ จิตของภิกษุในธรรม
วินัยนี้ ยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องต่ำ 5 ในเวลาใกล้
ตาย เธอได้เห็นตถาคต ตถาคตย่อมแสงธรรมอันงามในเบื้องต้น อันงาม
ในท่ามกลาง อันงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงแก่เธอ จิตของเธอย่อมหลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็น
ไปในส่วนเบื้องต่ำ 5 เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูก่อนอานนท์ นี้เป็น
อานิสงส์ข้อที่ 1 ในการฟังธรรมโดยกาลอันควร.
อีกประการหนึ่ง จิตของภิกษุยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปใน
ส่วนเบื้องต่ำ 5 ในเวลาใกล้ตาย เธอไม่ได้เห็นตถาคตเลย แต่ได้เห็นสาวก
ของพระตถาคต สาวกของพระตถาคตย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น
งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้ง
พยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่เธอ จิตของเธอย่อมหลุดพ้นจาก
สังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องต่ำ 5 เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูก่อน
อานนท์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 2 ในการฟังธรรมโดยกาลอันควร.
อีกประการหนึ่ง จิตของภิกษุยังไม่หลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปใน
ส่วนเบื้องต่ำ 5 ในเวลาใกล้ตาย เธอไม่ได้เห็นตถาคต และไม่ได้เห็นสาวก
ของตถาคตเลย แต่ย่อมตรึกตรองเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาได้เรียน
มา เมื่อเธอตรึกตรองเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาได้เรียนมาอยู่ จิต
ของเธอย่อมหลุดพ้นจากสังโยชน์อันเป็นไปในส่วนเบื้องต่ำ 5 ดูก่อนอานนท์
นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 3 ในการใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมโดยกาลอันควร.
ดูก่อนอานนท์ จิตของภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้หลุดพ้นจากสังโยชน์
อันเป็นไปในส่วนเบื้องต่ำ 5 แต่จิตของเธอยังไม่น้อมไปในนิพพานอันเป็นที่
สิ้นไปแห่งอุปธิกิเลส อันหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ในเวลาใกล้ตาย เธอย่อม
ได้เห็นพระตถาคต พระตถาคตย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น. . . แก่
เธอ จิตของเธอย่อมน้อมไปในนิพพานอันเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิกิเลส อันหา
ธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เพราะได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูก่อนอานนท์ นี้เป็น
อานิสงส์ข้อที่ 4 ในการฟังธรรมโดยกาลอันควร.
อีกประการหนึ่ง จิตของภิกษุหลุดพ้นแล้วจากสังโยชน์ อันเป็นไป
ในส่วนเบื้องต่ำ 5 แต่จิตของเธอยังไม่น้อมไปในนิพพานอันเป็นที่สิ้นไป
แห่งอุปธิกิเลส อันหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ในเวลาใกล้ตาย เธอย่อมไม่ได้
เห็นพระตถาคต แต่เธอย่อมได้เห็นสาวกของพระตถาคต สาวกของพระ
ตถาคตย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น . . . แก่เธอ จิตของเธอย่อมน้อม
ไปในนิพพานเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิกิเลส อันหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เพราะ
ได้ฟังธรรมเทศนานั้น ดูก่อนอานนท์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ 5 ในการฟัง
ธรรมโดยกาลอันควร.
อีกประการหนึ่ง จิตของภิกษุหลุดพ้นแล้วจากสังโยชน์อันเป็นไปใน
ส่วนเบื้องต่ำ 5 แต่จิตของเธอยังไม่น้อมไปในนิพพาน อันเป็นที่สิ้นไปแห่ง
อุปธิกิเลส อันหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ในเวลาใกล้ตาย เธอย่อมไม่ได้เห็น
พระตถาคต และย่อมไม่ได้เห็นสาวกของพระตถาคตเลย แต่เธอย่อมตรึกตรอง
เพ่งด้วยใจซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาได้เรียนมา เมื่อเธอตรึกตรองเพ่งด้วยใจซึ่ง
ธรรมตามที่ได้ฟังมาได้เรียนมาอยู่ จิตของเธอย่อมน้อมไปในนิพพานอันเป็น
ที่สิ้นไปแห่งอุปธิกิเลสอันหาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ดูก่อนอานนท์ นี้เป็นอานิสงส์
ข้อที่ 6 ในการใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมโดยกาลอันควร.
ดูก่อนอานนท์ อานิสงส์ในการฟังธรรม ในการใคร่ครวญเนื้อความ
โดยกาลอันควร 6 ประการนี้แล.
จบผัคคุณสูตรที่ 2
อรรถกถาผัคคุณสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในผัคคุณสูตรที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺญฺโจปิ ได้แก่ แสดงอาการลุกขึ้น. บทว่า ปฏิกฺกมนฺติ
ได้แก่ ทุเลาลง. บทว่า โน อภิกฺฏกมนฺติ ได้แก่ ไม่กำเริบ. บทว่า
สีสเวฐนํ ทุเทยฺย ได้แก่ พันศีรษะแล้วเอาไม้ขนเวียนรอบ (ศีรษะ).
บทว่า อินฺทฺริยานิ วิปฺปสีทึสุ ความว่า ในเวลาใกล้ตายนั้น อินทรีย์ 6
ผ่องใส. บทว่า อตฺถุปปริกฺขาย ได้แก่ ด้วยการใคร่ครวญถึงประโยชน์
และมิใช่ประโยชน์ คือ เหตุและมิใช่เหตุ. บทว่า อนุตฺตเร อุปธิสํขเย
ได้แก่ ในนิพพาน. บทว่า อธิมุตฺตํ โหติ ได้แก่ น้อมไปด้วยอรหัตผล.
จบอรรถกถาผัคคุณสูตรที่ 2
3. ฉฬาภิชาติยสูตร
ว่าด้วยบัญญัติชาติ 6 ประการ
[328] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ